5 ดอย สวยอมตะ บรรยากาศหนาวเย็นสุดประทับใจ

 ที่เที่ยวดอยสวย

สุขไหนเล่า จะเท่ากับไปเดินเที่ยวป่าหา ที่เที่ยว หน้าหนาวเพื่อชมความงดงามของดอกไม้ ใบหญ้าที่ออกดอกมารับลมหนาวกันอย่างละลานตาในช่วงฤดูกาลนี้ เราจึงรวบรวมทั้งภูและดอย ที่สวยตลอดกาล และไม่มีทีท่าจะเสื่อมความนิยมไปง่ายๆกัน

ดอยอ่างขาง  จ.เชียงใหม่
ดอยอ่างขาง..หรือสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง หนึ่งในโครงการตามพระราชดำริในจังหวัดเชียงใหม่ ที่ส่งเสริมให้ชาวเขาและชนเผ่าพื้นเมืองเลิกปลูกฝิ่นและหันมาทำการเกษตรทดแทน เช่นการปลูกพืชผักผลไม้ ปลูกดอกไม้ทดแทน 
จนถึงในช่วงฤดูหนาวพื้นที่ทั้งหมดจะเปลี่ยนกลายเเป็นความสมบูรณ์สวยงามที่เต็มไปด้วยทุ่งดอกไม้ พืชผล จนทำให้เกิดความนิยมในนักท่องเที่ยวชาวไทย  ซึ่งที่ดอยอ่างขางแห่งนี้จะมีอากาศหนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปี เนื่องจากอยู่ในหุบเขา และจะมีอากาศหนาวจัดในช่วงฤดูหนาว 
ซึ่งนักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาจะสามารถทำกิจกรรมได้อย่างหลากหลาย เช่น การเยี่ยมชมเรือนดอกไม้,เรือนกุหลาบตัดดอก,สวนบอนไซ,สวน ๘๐,สวนกุหลาบอังกฤษ,แปลงบ๊วย,โรงเรือนรวบรวมพันธุ์ผักเมืองหนาว,พระธาตุดอยอ่างขาง เป็นต้น


เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว:
สามารถเดินทางได้ด้วยรถยนต์ส่วนตัว จากตัวเมืองจังหวัดเชียงใหม่ ใช้เส้นทางเชียงใหม่-ฝาง (ทางหลวงหมายเลข 107) เดินทางเรื่อยมาจนถึงอำเภอเชียงดาวบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 79 จะพบทางแยก(เส้นทางหมายเลข 1ในแผนที่) ถ้าเลี้ยวซ้ายตามป้ายบอกจะผ่าน ต.เมืองงาย บ้านอรุโณทัย บ้านหลวง เส้นทางจะค่อนข้างแคบแต่จะไม่ค่อยลาดชันเท่าใดนัก และเนื่องจากถนนเกือบตลอดทั้งสายจะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ดังนั้นช่วงเวลาที่จะสัญจรโดยถนนสายนี้ควรจะเป็นช่วงเช้าหรือกลางวันน่าจะดีกว่าช่วงบ่ายไปแล้ว เพราะถ้าเกิดรถเสียหรือมีปัญหาขึ้นมาจะติดต่อขอความช่วยเหลือค่อนข้างลำบาก 
หากยังไม่เลี้ยวซ้ายที่ทางแยกหมายเลข 1 ก็ขับรถตามถนนเรื่อยมาจนถึงหลักกิโลเมตรที่ 137 จะถึงเส้นทางหมายเลข 2 ตามที่แสดงในแผนที่ ซึ่งเส้นทางนี้จะเป็นสายหลักที่ใช้กันเป็นประจำ เมื่อมาถึงปากทางขึ้นดอยอ่างขางจะมีป้ายบอกด้านซ้ายมือ ให้เลี้ยวซ้ายแล้วขับรถตามถนนขึ้นมาเลย ทางเส้นนี้จะค่อนข้างลาดชันมาก จึงมีบริการเช่าเหมารถคิวสองแถวหน้าปากทางให้ขึ้นมาส่งได้ แต่หากตัดสินใจจะนำรถขึ้นมาเองก็ควรขับด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ 

เดินทางโดยรถโดยสารประจำทาง :
ในกรณีที่เดินทางโดยรถโดยสารประจำทาง ให้ขึ้นรถสาย เชียงใหม่-ฝางที่ คิวรถช้างเผือกในตัวเมืองเชียงใหม่ มีทั้งรถตู้ และรถบัสคันใหญ่ และมาลงที่หน้าวัดหาญสำราญ(ตรงหลักกิโลเมตรที่ 137) มีบริการ รับ-ส่ง คิวรถสองแถว ซึ่งสามารถเหมารถต่อเพื่อขึ้นมาถึงดอยอ่างขางได้

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิง จาก สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง
 http://www.angkhangstation.com/index.php?group=Travel&page=Journey
ภูกระดึง จ.เลย
ภูกระดึง ตั้งอยู่ที่ตำบลศรีฐาน เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและสถานที่เที่ยวหน้าหนาวที่ได้รับความนิยมมากแห่งหนึ่งของเมืองไทยเพราะมีสภาพธรรมชาติสมบูรณ์ประกอบด้วยระบบนิเวศและภูมิประเทศหลากหลายทั้งทุ่งหญ้า ป่าสนเขา ป่าดิบ ป่าต้นเมเปิ้ล พันธุ์ไม้ดอกที่สวยงาม กุหลาบป่า เอื้องคำหิน น้ำตกและหน้าผาชมทิวทัศน์ 

ลักษณะเด่นของอุทยานฯ แห่งนี้คือเป็นภูเขาหินทรายยอดตัด และที่ราบขนาดใหญ่คล้ายใบบอนหรือรูปหัวใจ มีความสูง ๔๐๐-๑,๒๐๐ เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ก่อนเดินทางมาท่องเที่ยวป่าเขาที่ภูกระดึง นักท่องเที่ยวควรสำรวจสุขภาพความพร้อมของร่างกายก่อนเดินทางเพราะต้องใช้เวลาเดินและปีนป่ายเขาที่มีระยะทางร่วม ๙ กิโลเมตร (ขึ้นเขา ๕ กิโลเมตร ทางราบอีกประมาณ ๓-๔ กิโลเมตร) อุทยานฯ เปิดให้นักท่องเที่ยวเดินขึ้นภูกระดึง ตั้งแต่เวลา ๐๗.๐๐ – ๑๔.๐๐ น. และอุทยานฯ จะปิดเพื่อฟื้นฟูสภาพป่า ระหว่างเดือนมิถุนายน-กันยายน ของทุกปี
นอกจากนี้ยังมี ผาหมากดูก ผาแดง ผาเหยียบเมฆ น้ำตกวังกวาง  น้ำตกเพ็ญพบใหม่ น้ำตกโผนพบ    น้ำตกเพ็ญพบ  น้ำตกถ้ำใหญ่ น้ำตกธารสวรรค์ น้ำตกถ้ำสอเหนือ น้ำตกถ้ำสอใต้ สระอโนดาต เป็นต้น 
อุทยานฯ เก็บค่าธรรมเนียมนักท่องเที่ยว ชาวไทย ผู้ใหญ่ ๔๐ บาท เด็ก ๒๐ บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ ๔๐๐ บาท เด็ก ๒๐๐ บาท และค่าบริการลูกหาบสัมภาระ กิโลกรัมละ ๑๕ บาท นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเต็นท์และบ้านพักได้ที่ที่ทำการอุทยานฯ โทร. ๐ ๔๒๘๗ ๑๓๓๓, ๐ ๔๒๘๗ ๑๔๕๘ หรือ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรุงเทพฯ โทร.  ๐ ๒๕๖๒ ๐๗๖๐ หรือwww.dnp.go.th

การเดินทาง
 จากตัวเมืองเลยใช้เส้นทางหมายเลข ๒๐๑ เส้นเลย - ภูกระดึง ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองเลยประมาณ ๗๕ กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข ๒๐๑๙ อีก ๘ กิโลเมตร ก็จะถึงที่ทำการอุทยานฯ
รถโดยสารประจำทาง นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางโดยรถโดยสารประจำทางสายกรุงเทพฯ-เลย แล้วลงที่ผานกเค้า ซึ่งเป็นเขตรอยต่อระหว่างชุมแพ-ภูกระดึง จากจุดนี้จะมีรถสองแถวไปอุทยานแห่งชาติภูกระดึงหรือหากนักท่องเที่ยวใช้รถประจำทางเส้นทางกรุงเทพฯ-ชุมแพแล้วลงที่ตลาดชุมแพแล้วต่อรถสายชุมแพ-ผานกเค้า ไปลงที่ผานกเค้า  ซึ่งจะมีรถสองแถวไปอุทยานฯ 
ดอยเสมอดาว จ.น่าน
ดอยเสมอดาว และผาหัวสิงห์  ดอยเสมอดาว บริเวณจุดชมวิวอีกจุดหนึ่งของอุทยานแห่งชาติศรีน่าน มีพื้นที่เป็นลานกว้างตามสันเขา เหมาะสำหรับการพักผ่อน ดูดาว ดูพระอาทิตย์ขึ้นและตกดินในบริเวณเดียวกัน จุดนี้มีชื่อว่า “ดอยเสมอดาว” 












ผาหัวสิงห์ เป็นหน้าผามีรูปร่างเหมือนสิงโตนอนหมอบหันหน้าไปทางทิศตะวันออกสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้ 360 องศา ทิศเหนือมองเห็นตัวอำเภอเวียงสา ทิศใต้ มองเห็นทิวเขาเป็นแนวยาว ทิศตะวันออกมองเห็นผาชู้ แม่น้ำน่าน ทิศตะวันตก มองเห็นตัวอำเภอนาน้อยเกือบทั้งหมด และเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอีกจุดหนึ่ง

กิจกรรม :
 เดินป่าศึกษาธรรมชาติ   ชมทิวทัศน์   แค้มป์ปิ้ง  
ทิวทัศน์ทั้งสองฝั่งแม่น้ำน่าน  แม่น้ำน่าน ซึ่งทอดตัวผ่านกลางพื้นที่อุทยานฯ ตั้งแต่เหนือสุดถึงใต้สุดยาวกว่า 60 กิโลเมตร สามารถล่องเรือ ล่องแพ ชมธรรมชาติสองฝั่งแม่น้ำน่าน จะเห็นทิวทัศน์ เกาะแก่ง โขดหิน หาดทราย หน้าผา สภาพป่าที่เขียวขจีและสัตว์ป่านานาชนิดต่าง ๆ มากมาย มีจุดเด่นที่น่าสนใจ ผาง่าม เป็นหน้าผาขนาดใหญ่ ตั้งโดดเด่นอยู่กลางป่าเขาที่เขียวขจี ผาขวาง เป็นหน้าผาขนาดใหญ่ ตั้งขวางอยู่กลางแม่น้ำน่าน สภาพป่าที่อุดมสมบูรณ์ สองฝั่งแม่น้ำน่าน ที่เหมาะสมสำหรับการศึกษาเกี่ยวกับระบบธรรมชาติวิทยา

กิจกรรม :
 ล่องแพ/ล่องเรือ   ชมทิวทัศน์  
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ จาก  อุทยานแห่งชาติศรีน่าน,สำนักงานประชาสัมพันธ์ จังหวัด น่าน 
ภูหินร่องกล้า 
ภูหินร่องกล้ามีสภาพภูมิอากาศคล้ายภูกระดึงและภูหลวงเนื่องจากมีความสูงไล่เลี่ยกันอากาศจะหนาวเย็นเกือบตลอดปี โดยเฉพาะในฤดูหนาวอุณหภูมิจะต่ำมากประมาณ 0-4oC มีหมอกคลุมทั่วบริเวณ ส่วนฤดูร้อนอากาศจะเย็นสบายฝนตกชุกในฤดูฝน อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปี ประมาณ 18-25oC
ภูหินร่องกล้าเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและประวัติศาสตร์การต่อสู้ทางอุดมการณ์ของชนชาติไทยที่สำคัญในอดีต  มีอาณาเขตพื้นที่ประมาณ 191,875 ไร่ ถือเป็นแหล่งทรัพยากรทางธรรมชาติที่สำคัญแห่งหนึ่งของไทย จึงไม่แปลกที่ภูหินร่องกล้าจะประกอบไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่งดงามอลังการมากมาย 

ที่ตั้ง :
 อำเภอ นครไทย พิษณุโลก
ภูทอก จ.เลย 
ภูทอก เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเที่ยวเมืองเชียงคาน  และมักจะแวะเลยขึ้นไปภูทอก เพราะสองสถานที่นี้อยู่ไม่ไกลกันมาก ในช่วงฤดูหนาวนักท่องเที่ยวจึงไม่ควรพลาดที่ขึ้นไปชมทะเลหมอกบนภูทอก ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองเชียงคาน  ในตอนเช้าทะเลหมอกจะเกิดขึ้นหนาแน่นและมีระยะเวลาจับตัวกันหลายชั่วโมง 














รูปและบทความจาก sanook.com
Share on Google Plus

About Sunzz

    Blogger Comment
    Facebook Comment

0 comments:

Post a Comment